วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553

Gen. Stanley McChrystal คือใคร มีบทบาทในสงครามอัฟกานิสถานอย่างไร

Gen. Stanley McChrystal คือใคร มีบทบาทในสงครามอัฟกานิสถานอย่างไร

Stanley A। McChrystal, เมื่อเกิด 14 สิงหาคม 1954 เป็นปัจจุบันบัญชาการ, International Security Assistance Force(ISA F) และผู้บัญชาการ, สหรัฐอเมริกาไพร่พลอัฟกานิสถาน (USFOR-A). ก่อนหน้านี้เขาทำหน้าที่เป็น ผู้อำนวยการร่วมเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2008 ถึงมิถุนายน 2009 และเป็นผู้บัญชาการ, Joint Special Operations Command 2003-2008 ซึ่งเขาถูกบันทึกเครดิตกับการตายของ ผู้นำของ Al-Qaeda ในอิรัก สำหรับบทบาทของเขา การกระทำของเขาในอิรักและอัฟกานิสถาน

สำหรับบทบาทในสงครามอัฟกานิสถาน ในปัจจุบัน มีรายงานข่าวไว้ว่า

รายงานการประเมินสงครามในอัฟกานิสถาน ที่จัดทำโดย พล।อ।สแตนลีย์ แมคคริสตัล ผู้บังคับบัญชาทหารระดับสูงที่สุดของสหรัฐฯในสมรภูมิแห่งนั้น เกิด รั่วไหล ออกมา โดยเห็นได้ชัดเจนว่านี่เป็นความพยายามเพื่อที่จะบีบบังคับให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ต้องยินยอมเห็นพ้องที่จะเพิ่มกำลังทหารสหรัฐฯให้อีกเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวนี้ก็ทำให้เราได้ทราบด้วยเช่นกัน ถึงภาพของสถานการณ์ที่ชวนให้หดหู่อย่างยิ่ง มิหนำซ้ำในรายงานอีกฉบับหนึ่ง ที่ใช้ชื่อว่า แผนการต่อสู้แบบบูรณาการฝ่ายพลเรือน-ทหาร ที่แมคคริสตัลเพิ่งลงนามเห็นชอบด้วยเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านั้น ก็มีเสนอภาพซึ่งมองสภาพการณ์อย่างเลวร้ายยิ่งเสียกว่ารายงานชิ้นหลังนี้อีกวอชิงตัน รายงาน การประเมินเบื้องต้น (initial assessment) ว่าด้วยสงครามในอัฟกานิสถาน ที่จัดทำโดย พล।อ।สแตนลีย์ เอ แมคคริสตัล (Stanley A McChrystal) ผู้บังคับบัญชาทหารระดับสูงสุดของสงครามครั้งนี้ ได้กล่าวเตือนอย่างตรงไปตรงมาว่า ความล้มเหลวจากการไม่จัดหาทรัพยากรมาให้อย่างเพียงพอ น่าที่จะส่งผลไปถึงขั้นกลายเป็น ความล้มเหลวของภารกิจคราวนี้ ขณะเดียวกัน การที่รายงานฉบับนี้เกิด รั่วไหล ออกมานั้น ก็เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะบีบคั้นกดดันประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้ยังมีท่าทีลังเล ให้ยอมตกลงเห็นพ้องที่จะเพิ่มกำลังทหารสหรัฐฯให้อีกในจำนวนที่มากมายพอสมควรรายงานการประเมินของแมคคริสตัลถือเป็นรายงานลับ แต่ก็ไปตีพิมพ์อยู่บนเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เมื่อวันจันทร์(21) จากเวอร์ชั่นที่ปรากฏบนเว็บไซต์ดังกล่าวนี้ มีร่องรอยของการปรับปรุงเรียบเรียงใหม่จำนวนมาก ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าได้ถูกเตรียมการไว้เป็นพิเศษเพื่อวัตถุประสงค์ในกรณีที่มันรั่วไหลไปถึงสื่อมวลชนอย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจะมีความสำคัญยิ่งกว่าเรื่องรั่วไหลเสียอีก ก็คือการประเมินของแมคคริสตัลนั้นได้เสนอภาพของสถานการณ์ในอัฟกานิสถานที่ทำให้รู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก

ยิ่งกว่านั้น หากลองนำเอาเอกสาร แผนการต่อสู้ในอัฟกานิสถานแบบบูรณาการฝ่ายพลเรือน-ทหาร (Integrated Civilian-Military Campaign Plan) ซึ่งแมคคริสตัลเองก็ให้ความเห็นชอบด้วยเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น มาพิจารณาประกอบกัน ก็จะยิ่งพบว่าเอกสารที่กล่าวถึงชิ้นหลังนี้ มองสภาพการณ์ในแง่เลวร้ายยิ่งกว่า การประเมินเบื้องต้น ของเขาเสียอีกแผนการต่อสู้ในอัฟกานิสถานแบบบูรณาการฯ ซึ่งลงนามโดย แมคคริสตัล และ คาร์ล ไอเคนเบอร์รี (Karl Eikenberry) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ระบุว่า ในพื้นที่ซึ่งเป็นเขตชาวปาชตุน (Pashtun) อันเป็นชนชาติส่วนใหญ่ที่สุดของอัฟกานิสถานนั้น สภาพที่ประชาชนปฏิเสธไม่ยอมรับรัฐบาลอัฟกันเป็นสิ่งที่เห็นชัดเจนมาก จนกระทั่ง กลุ่มหลักๆ ทั้งหลายต่างกำลังให้การสนับสนุนพวกตอลิบาน เนื่องจากเห็นว่าเป็นทางเลือกอื่นอีกเพียงทางเดียวที่มีอยู่ นอกเหนือจากรัฐบาลในกรุงคาบูลซึ่งพวกเขาเห็นว่าควรแก่การดูหมิ่นเหยียดหยามเอกสารแผนการต่อสู้แบบบูรณาการฯ ประทับตราจัดชั้นความลับไว้ว่า อ่อนไหวแต่ไม่ถือเป็นความลับ และไม่ได้มีการเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทว่าสำนักข่าวอินเตอร์เพรสเซอร์วิสก็ได้มาฉบับหนึ่งทั้งรายงานการประเมินเบื้องต้น และแผนการต่อสู้แบบบูรณาการฯ ต่างยอมรับความเป็นจริงขั้นพื้นฐานต่างๆ ทางสังคม-การเมือง ซึ่งทำให้ต้องตั้งคำถามฉกรรจ์ๆ ขึ้นมาว่า แผนการต่อต้านการก่อความไม่สงบที่แมคคริสตัลสรุปคร่าวๆ เอาไว้ในรายงานการประเมินเบื้องต้นของเขานั้น หากมีการนำไปปฏิบัติแล้วจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่ เพียงแต่ว่าในรายงานการประเมินเบื้องต้นนั้น เขาได้เปลี่ยนแปลงหรือไม่ก็ลดทอนน้ำหนักของข้อสรุปที่เป็นหัวใจบางประเด็นที่ปรากฏอยู่ในแผนการต่อสู้แบบบูรณาการฯข้อแตกต่างกันที่สำคัญที่สุดระหว่างเอกสารทั้งสอง ได้แก่ข้อสรุปในเรื่องที่ว่าพวกผู้ก่อความไม่สงบได้รับความสนับสนุนจากประชาชนมากน้อยขนาดไหนแล้ว รายงานการประเมินของแมคคริสตัลเสนอว่า พวกผู้ก่อความไม่สงบยังไม่อาจหาความสนับสนุนจากประชาชนอย่างชนิดเต็มอกเต็มใจไม่ถูกบังคับได้พวกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกลุ่มใหญ่ๆ ต่างใช้ความรุนแรง, การบังคับกะเกณฑ์, และการข่มขู่คุกคามต่อพลเรือน มาควบคุมประชากร รายงานการประเมินระบุเอาไว้เช่นนี้ อีกทั้งยังสรุปเอาไว้ว่า ความกระตือรือร้นของประชาชน ที่มีต่อพวกตอลิบานและกลุ่มก่อความไม่สงบอื่นๆ ดูจะอยู่ในสภาพที่จำกัด เช่นเดียวกับความสามารถของกลุ่มเหล่านี้ที่จะแพร่ขยายไปนอกพื้นที่ของชาวปาชตุนในทางเป็นจริงแล้ว ชาวปาชตุนมีจำนวนเท่ากับประมาณ 40-45% ของประชากรชาวอัฟกันทั้งหมด และตามพื้นที่ส่วนใหญ่ของอัฟกานิสถาน ตั้งแต่ฟากตะวันตกไกลโพ้น ข้ามไปทั่วทั้งภาคใต้ ไปจนจรดภาคตะวันออก ชาวปาชตุนก็เป็นชนชาติที่มีจำนวนมากกว่าชนชาติอื่นๆ ทั้งสิ้นอย่างไรก็ตาม แม้ปฏิเสธว่าประชาชนไม่ได้ให้การสนับสนุนพวกผู้ก่อความไม่สงบ แต่แมคคริสตัลก็ยอมรับเอาไว้ในรายงานการประเมินว่า มีปัจจัยบางประการ เป็นต้นว่า ความไม่พึงพอใจตามธรรมชาติเมื่อต้องถูกต่างชาติเข้ามาแทรกแซง ตลอดจนอัตลักษณ์แห่งความเป็นเผ่าและความเป็นชนชาติ ซึ่งได้รับการหนุนส่งให้แข็งแกร่งขึ้นอีกจาก ความเจ็บปวดทางประวัติศาสตร์ จึงได้ส่งผลทำให้ มีหลายๆ ส่วนในหมู่ประชาชน ที่สามารถอดทนยอมรับการก่อความไม่สงบ และเรียกร้องให้ขับไล่คนต่างชาติออกไปขณะที่แผนการต่อสู้แบบบูรณาการฯไปไกลกว่านั้น โดยเสนอว่า พวกตอลิบานกำลังได้รับความสนับสนุนจากประชาชนชาวอัฟกัน เพราะประชาชนมองว่า ถ้าหากไม่ยอมรับรัฐบาลในกรุงคาบูลที่ควรแก่การดูหมิ่นเหยียดหยามแล้ว หนทางเลือกที่เหลืออยู่อีกเพียงหนทางเดียวก็คือพวกตอลิบาน เอกสารนี้ชี้ว่า ชาวอัฟกันส่วนใหญ่นั้นปฏิเสธไม่ยอมรับ อุดมการณ์ตอลิบาน แต่ก็สรุปว่า กลุ่มชาวอัฟกันกลุ่มสำคัญๆ ต่างกำลังหวนระลึกถึงความมั่นคงปลอดภัยและความยุติธรรม ซึ่งในสมัยที่ตอลิบานปกครองอยู่ สามารถจัดหาเอื้ออำนวยให้บังเกิดขึ้นได้เอกสารทั้งสองฉบับยังใช้วลีที่แตกต่างกันในการบรรยายถึงความล้มเหลวทางการเมืองของรัฐบาลอัฟกันตลอดจนผลพวงที่เกิดตามมา

โดยรายงานการประเมินของแมคคริสตัลพูดถึง วิกฤตแห่งความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อรัฐบาล แต่แผนการต่อสู้แบบบูรณาการฯเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่า เป็น วิกฤตแห่งความถูกต้องชอบธรรม และกล่าวอีกว่า พวกผู้ก่อความไม่สงบประสบความสำเร็จในการ สร้างความถูกต้องชอบธรรมให้แก่ตนเองในบางระดับ โดยอาศัยมนตร์เสน่ห์ของความใกล้ชิดกันเชิงอุดมการณ์ และความกลัวเรื่อง การยึดครองของต่างชาติ ตลอดจนการเอื้ออำนวยให้เกิดความยุติธรรมในระดับท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็วเอกสารทั้งสองฉบับยังแตกต่างกันในเรื่องที่ว่า หากนำเอาแนวทางต่างๆ ที่มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลง ตามที่ได้กล่าวสรุปเอาไว้ในแผนการต่อสู้แบบบูรณาการฯ มาปฏิบัติกันอย่างจริงจังแล้ว จะสามารถคาดหวังความคืบหน้าได้แค่ไหนรายงานการประเมินของแมคคริสตัล กระทำเพียงแค่เสนอยุทธศาสตร์กว้างๆ รวมทั้งวัตถุประสงค์ต่างๆ ที่จะต้องบรรลุ หากต้องการทำให้เกิดความมั่นคงปลอดภัย, การเพิ่มกองกำลังรักษาความมั่นคงของรัฐบาลอัฟกัน, และการปฏิรูปในเรื่องธรรมาภิบาล แต่รายงานนี้ไม่ได้มีการพิจารณาในแง่ที่ว่า วัตถุประสงค์ต่างๆ เหล่านี้นั้น มีความเสี่ยงหรือความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลวไม่บังเกิดผลผิดกับแผนการต่อสู้แบบบูรณาการฯ ซึ่งมีการพิจารณาแง่มุมของความเสี่ยงและความเป็นไปได้ที่อาจจะล้มเหลวไม่ประสบผล ตัวอย่างเช่น แผนการนี้มีการระบุเรื่องเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทุจริตฉ้อฉล และถือว่าการลงโทษคนเหล่านี้หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนเหล่านี้เป็นวัตถุประสงค์ลำดับสำคัญยิ่งประการหนึ่งแต่แผนการนี้ก็เตือนเอาไว้ด้วยว่า รัฐบาลอัฟกันตลอดจนพวกพันธมิตรที่เป็นขุนศึกตามจังหวัดต่างๆ ของรัฐบาลนี้ ต่างก็เป็นพวกที่จะไม่ได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริงอะไรหากเกิดมีการเปลี่ยนแปลงสถานะเดิม แถมยังอาจจะได้รับความผิดหวังจากความพยายามที่จะดำเนินการปฏิรูปดังกล่าวเสียด้วยซ้ำ ดังนั้น แผนการต่อสู้เพื่อบูรณาการฯ จึงมีการเสนอความคิดเห็นถึงขนาดบอกกระทั่งว่า ประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ อาจจะ เปลี่ยนตัวเอาพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ทรงประสิทธิภาพออกไปเป็นจำนวนมาก แล้วนำเอาคนที่ไร้ประสิทธิภาพหรือที่ทุจริตฉ้อฉลมาแทนที่นอกจากนั้น แผนการนี้ยังพูดถึงความเป็นไปได้ที่ว่า ถ้าหากความหวังในการลดการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลอัฟกันมีอันสิ้นสลายไปอย่างรวดเร็วแล้ว ก็จะก่อให้เกิด ปฏิกิริยาสะท้อนกลับอย่างฉับพลันรุนแรง ต่อ กองกำลังระหว่างประเทศช่วยเหลือการรักษาความมั่นคง (International Security Assistance Force หรือ ISAF อันเป็นชื่อที่เป็นทางการของกองกำลังนานาชาติที่นำโดยนาโต้ในอัฟกานิสถาน)ความเสี่ยงอีกประการหนึ่งที่แผนการต่อสู้แบบบูรณาการฯคาดการณ์เอาไว้ ก็คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีอัฟกานิสถานในวันที่ 20 สิงหาคม จะ ถูกมองกันอย่างกว้างขวางว่าไม่ยุติธรรม และจะนำไปสู่ วิกฤตทางการเมือง และ/หรือเพิ่มความรับรู้ความเข้าใจที่ว่า GIRoA [Government of the Islamic Republic of Afghanistan รัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามแห่งอัฟกานิสถาน ซึ่งปัจจุบันก็คือรัฐบาลของประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ] นั้นไร้ความถูกต้องชอบธรรม ทั้งนี้รายงานข่าวต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นมาในช่วง 1 เดือนนับตั้งแต่การเลือกตั้งคราวนั้นผ่านพ้นไป บ่งชี้ให้เห็นว่าการคาดหมายดังกล่าวนี้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากทีเดียวแต่ถึงแม้การประเมินของแมคคริสตัลจะมีการยั้งหมัดเอาไว้อย่างชัดเจนในประเด็นปัญหาหลักๆ บางประเด็น มันก็ยังคงบรรจุเอาไว้ด้วยการใช้ภาษาที่ตรงไปตรงมาอย่างเตะตายิ่ง เมื่อคำนึงว่านี่เป็นเอกสารของทางการ ทั้งนี้ยังไม่ต้องเอ่ยว่ามันยังเป็นเอกสารที่ผู้เขียนมีเจตนารมณ์มุ่งสร้างความชอบธรรมให้แก่การเพิ่มระดับของการทำสงครามแมคคริสตัลยอมรับปัญหาเรื่องขุนศึก (โดยเรียกพวกเขาว่าเป็น นายหน้าค้าอำนาจในระดับท้องถิ่นและระดับภาค) ซึ่งมีความเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อรัฐบาล แถมยังมีขุนศึกบางรายที่มีตำแหน่งอยู่ในกองกำลังความมั่นคงแห่งชาติของอัฟกานิสถานอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอัฟกานิสถานเขายังเอ่ยถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ไอเอสเอเอฟ ก็มี ความสัมพันธ์ กับพวกขุนศึก โดยบอกว่าหน่วยทหารต่างชาติต่างๆ มีการติดต่อกับคนเหล่านี้ในหลายๆ ด้าน ทั้งเพื่อขอบริการด้านความมั่นคงปลอดภัย ตลอดจนต้องพึ่งพาอาศัยคนเหล่านี้อย่างมากๆ ในด้านข่าวกรองแมคคริสตัลตั้งข้อสังเกตว่า ความสัมพันธ์เหล่านี้ สามารถที่จะกลายเป็นปัญหาขึ้นมา เขายกตัวอย่างของปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ประการหนึ่งก็คือ สาธารณชนชาวอัฟกันจะรับรู้เข้าใจไอเอสเอเอฟว่าเป็น ผู้สมรู้ร่วมคิด กับการใช้อำนาจในทางมิชอบของทางการอัฟกานิสถานการที่รายงานการประเมินของแมคคริสตัลและแผนการต่อสู้แบบบูรณาการฯ ต่างพูดถึงเงื่อนไขพื้นฐานต่างๆ ทางด้านสังคม-การเมือง ที่จะส่งผลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของสงครามต่อต้านการก่อความไม่สงบเอาไว้ อย่างยอมรับความเป็นจริงกันมากมายถึงระดับนี้ ต้องถือว่านี่คือสิ่งที่ผิดปกติเป็นอย่างมากในการวางนโยบายการทหารของสหรัฐฯ หากไม่ถึงขั้นที่เป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ขณะเดียวกัน มันก็ดูเหมือนจะช่วยเร่งให้เกิดภาวะวิกฤตขึ้นในการกำหนดนโยบายอัฟกานิสถานของสหรัฐฯนอกเหนือจากการโกงการเลือกตั้งอย่างโจ๋งครึ่มของระบอบปกครองคาร์ไซ และการที่ความสนับสนุนทางการเมืองภายในสหรัฐฯต่อสงครามในอัฟกานิสถานได้ลดต่ำฮวบฮาบลงอย่างรวดเร็วแล้ว ปัญหาอุปสรรคระดับพื้นฐานที่จะขัดขวางความสำเร็จในอัฟกานิสถานซึ่งมีการอภิปรายอย่างตรงไปตรงในเอกสารทั้ง 2 ชิ้นดังกล่าวนี้ ก็น่าจะมีส่วนเช่นกันที่ทำให้โอบามาเกิดความสงสัยข้องใจขึ้นมาเกี่ยวกับคำขอทหารเพิ่มเติมของแมคคริสตัลดังนั้น เอกสารทั้ง 2 ก็ได้สร้างคุณูปการทำให้โอบามาตัดสินใจที่จะกระทำสิ่งซึ่งเจ้าหน้าที่อาวุโสของคณะรัฐบาลผู้หนึ่งเรียกว่า การทบทวนทางเลือกทุกๆ อย่างด้วยความเคร่งเครียดจริงจังเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ตามรายงานข่าวของ ราจิฟ จันทราเซการัน (Rajiv Chandrasekaran) และ แคเรน เดอยัง (Karen DeYoung) ในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ฉบับวันจันทร์(21)แกเรธ พอร์เตอร์ เป็นนักประวัติศาสตร์และนักหนังสือพิมพ์เชิงสืบสวน ที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษในเรื่องนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ หนังสือเล่มล่าสุดของเขาที่ชื่อ Perils of Dominance: Imbalance of Power and the Road to War in Vietnam ฉบับปกอ่อนได้รับการตีพิมพ์ในปี २००६

ที่มา : (สำนักข่าวอินเตอร์เพรสเซอร์วิส)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น